การปิดดีลคว้าตัว Wataru Endo กองกลางชาว ญี่ปุ่น วัย 30 ปี ที่กำลังย้ายจาก สตุ๊ทการ์ท มาร่วมกับ ลิเวอร์พูล ด้วยราคา 18 ล้านยูโร เรียกได้ว่าแม้ไม่ใช่การก้าวขึ้นมาจากรายชื่อตัวเก็ง ที่หลายสื่อคาดกันไว้ และไม่ได้เป็นแข้งเทพระดับแถวหน้าของวงการ แต่กลับสร้างความน่าสนใจได้อย่างล้นหลามเลยทีเดียว มีทั้งฝั่งที่เชื่อมือในความแหลมคมของทีมซื้อขายของ Liverpool
แถมยัง แฮปปี้ ที่เกิดแนวโน้มในการนำวิถีการซื้ออันเป็นเอกลักษณ์ที่เคยมีกลับมาใช้
แต่ก็ยังมีฝั่งที่เกิดข้อกังวลเช่นกัน ทั้งในแง่ของอายุนักเตะ รวมถึงประสบการณ์ที่ยังไม่เคยผ่านการร่วมงานกับทีมระดับท็อปมาก่อน จนไม่แน่ใจว่าจะเข้ามาแทนทรัพยากรนักเตะที่ปล่อยออกไปก่อนหน้านี้ได้หรือไม่
อย่างไรก็ตามชื่อชั้นของ วาตารุ เอ็นโดะ ไม่ได้ไก่กาแต่อย่างใด แต่เป็นถึงผู้เล่นในชุดกัปตันทีมชาติ ญี่ปุ่น ที่วาดลวดลายเป็นที่ยอมรับมาแล้วในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ กาตาร์ สามารถเป็นแชมป์กลุ่ม ที่มีถึงสองอดีตแชมป์โลกอยู่ในกลุ่ม อย่าง สเปน และ เยอรมัน และชนะไปได้ ก่อนที่จะเข้ารอบไปฟัดกับ โครเอเชีย ชนิดสูสีจนถึงจุดโทษไปสุดมันส์
เส้นทางที่มาของ Wataru Endo
เอ็นโดะ เริ่มค้าแข้งในสโมสร โชนัน เบลล์มาเร ซึ่งอยู่ใน เจลีก 2 จากนั้นทำผลงานได้มีแววเข้าตา ทีม อุราวะ เรด ไดมอนส์ มาคว้าตัวไปปลุกปั้นต่อได้ถึงขั้นครองถ้วยแชมป์ เอเอฟซี แชมป์เปียนลีก ในปี 2017
และด้วยฝีเท้าที่ยอดเยี่ยมจึงติด ทีมชาติญี่ปุ่น ชุด U-23 ไปตามสูตร และสามารถช่วยให้ ญี่ปุ่น คว้ารองแชมป์ เอเชียน คัพ 2019 ซึ่งหลังจากนั้นจึงเริ่มต้นเส้นทางสู่อินเตอร์
โดยไปประเดิมที่ ลีก เบลเยียม สังกัดทีม แซงต์-ทรุยด็อง ในฤดูกาล 2018/2019 ก่อนที่ “ม้าขาว” สตุ๊ทการ์ท จะยืมตัวไปเพื่อช่วยกู้สถานการณ์ที่ทีมยังคงอยู่ใน บุนเดสลีกา 2 ขณะนั้น
โดยผลงานในการช่วยให้ทีมเลื่อนชั้นกลับขึ้นมาได้ นั่นคือความผูกพันจนกลายเป็นที่รักของเหล่าแฟน ๆ อีกทั้งยังได้ตำแหน่งกัปตันทีม ทั้งในทีมชาติและในสโมสรอีกด้วย
จุดแข็งบนเส้นทางของ วาตารุ เอ็นโดะ
ลูกกลางอากาศของแดนกลาง คือประสิทธิภาพสำคัญของ วาตารุ เอ็นโดะ ที่นำพาให้ทีมชาติ ญี่ปุ่น ไม่ตกเป็นรองการเล่นลูกกลางอากาศแต่อย่างใด ในศึกฟุตบอลโลก
และยังตอกย้ำคุณภาพด้วยผลงานสถิติ ตลอดช่วงที่เล่นใน บุนเดส ลีกา เขาสามารถชนะการดวลลูกกลางอากาศไปถึง 219 ครั้ง ค่าเฉลี่ยคือ ชนะ 2.2 ครั้งจาก 3.7 ต่อเกม แม้จะมีความสูง 5 ฟุต 10 นิ้ว ซึ่งไม่ได้เป็นต่อในลีก เยอรมัน แต่ก็ผงาดขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของสถิตินี้อย่างน่าทึ่ง
นอกจากนี้เขายังมีลีลาการเล่นที่ดุดัน ในการทำหน้าที่กองกลางตัวรับได้อย่างพร้อมไฟต์ เสมอ
ซึ่งใน 3 ฤดูกาลหลังสุดเก็บสถิติการเข้าปะทะอย่างโชกโชนที่ 1,274 ครั้ง โดยในจำนวนนี้สามารถเอาชนะในด้านการปะทะ ไปได้ถึง 54.6% เลยทีเดียว อีกทั้งยังชนะการครองบอลได้ที่ 706 ครั้ง เหนียวแน่นเสียจนทำให้ได้รับฉายาว่า “บอดี้การ์ด”
อย่างไรก็ตามยังมีสิ่งที่ต้องรอการพิสูจน์อีกมากมาย รวมถึงข้อกังวลต่าง ๆ ของบรรดา เดอะคอป ซึ่ง เอ็นโดะ จะทำได้ดีแค่ไหน สามารถทดแทน กองกลางตัวรับคนก่อนหน้าอย่าง ฟาบินโญ ได้หรือไม่ต้องติดตามกันต่อไป